สุดช็อก! วินัย ไกรบุตร ป่วยโรคหายาก “ตุ่มน้ำพอง” เผยสุดทรมาน พบ 1 ใน 4 แสนคน
จากกรณีข่าว วินัย ไกรบุตร ดารานักแสดงชื่อดัง ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยอธิบายเกี่ยวกับอาการป่วยที่เกิดขึ้นกับตัวเอง โดยตอนหนึ่งระบุว่า ตนเป็นโรคภูมิแพ้ตัวเอง มีตุ่มน้ำใส ๆ พอง ๆ ขึ้นบนผิวหนัง ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของโรคตุ่มน้ำพองหรือโรคเพมฟิกัส หรือ เพมฟิกอยด์ วันนี้น้องม้าจึงมีคำแนะนำเกี่ยวกับโรคนี้มาฝากครับ
โรคตุ่มน้ำพอง คืออะไร
โรคตุ่มน้ำพองจากภูมิคุ้มกัน หรือ โรคเพมฟิกัส (Pemphigus) คือ โรคตุ่มน้ำพองเรื้อรังจากภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ จนเป็นเหตุให้ผิวหนังหลุดลอกได้โดยง่าย จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่
⭐️ โรคเพมฟิกัสที่มีการแยกตัวของผิวหนังชั้นลึก (Pemphigus vulgaris)
⭐️ โรคเพมฟิกัสที่มีการแยกตัวของผิวหนังชั้นตื้น (Pemphigus foliaceus)
โรคตุ่มน้ำพอง เกิดจากอะไร
โรคตุ่มน้ำพองเกิดจากความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่สร้างแอนติบอดี้ขึ้นมาทำลายการยึดของเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังเกิดการแยกตัวในชั้นหนังกำพร้า หรือบริเวณรอยต่อของหนังกำพร้า และหนังแท้ จนเกิดเป็นตุ่มน้ำพองขึ้นที่ผิวหนังหรือเยื่อบุต่าง ๆ ของร่างกาย อย่างไรก็ตาม โรคตุ่มน้ำพองอาจเกิดจากพันธุกรรมและปัจจัยสิ่งแวดล้อม เช่น เชื้อโรค หรือสารเคมีร่วมด้วย
โรคตุ่มน้ำพอง ใครเสี่ยงบ้าง
โรคตุ่มน้ำพองเป็นโรคที่เกิดได้กับทุกเพศทุกวัย แต่จากสถิติแล้วจะพบโรคตุ่มน้ำพองในคนอายุ 40-50 ปีขึ้นไป โดยมีอัตราการเกิดโรคอยู่ที่ 3 ใน 1 แสนคน เท่านั้น
โรคตุ่มน้ำพอง อาการเป็นอย่างไร
⭐️ มีรอยแดงขึ้นมาก่อน แล้วค่อยกลายเป็นตุ่มน้ำพอง หรือแผลถลอกเรื้อรังตามผิวหนัง โดย 50-70% จะเป็นแผลในปาก
⭐️ เป็นแผลบริเวณเหงือก กระพุ้งแก้ม หรือเพดานปากแบบเรื้อรัง (5 เดือนขึ้นไป)
⭐️ อาจมีอาการเสียงแหบเรื้อรัง จากรอยโรคบริเวณกล่องเสียง
⭐️ อาจมีอาการกลืนเจ็บจากรอยโรคบริเวณหลอดอาหาร
นอกจากนี้อาจพบรอยโรคที่เยื่อบุตา เยื่อบุทางเดินหายใจ เยื่อบุช่องคลอด อวัยวะเพศ ทางเดินปัสสาวะและทางเดินอุจจาระด้วย
โรคตุ่มน้ำพอง รักษาได้ไหม
แพทย์จะทำการรักษาด้วยยาสเตียรอยด์ ร่วมกับยากดภูมิคุ้มกันในเคสที่มีอาการหนัก จากนั้นเมื่อควบคุมโรคได้ แพทย์จะค่อย ๆ ปรับลดยาลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อหาจุดที่เหมาะสมในการควบคุมโรค ทั้งนี้ผู้ป่วยอาจต้องรับยารักษาโรคตุ่มน้ำพองต่อเนื่องจนกว่าแพทย์จะสั่งให้ลดยาหรือหยุดยา และควรได้รับการดูแลโดยแพทย์อยู่เสมอ เนื่องจากผู้ป่วยจะได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาจทำให้ร่างกายอ่อนแอกว่าปกติได้
โรคตุ่มน้ำพอง ควรดูแลตัวเองอย่างไร
ไม่ว่าจะป่วยโรคตุ่มน้ำพองหรือไม่ แต่หากมีอาการตุ่มน้ำใสขึ้นตามผิวหนังโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรรีบไปพบแพทย์ และไม่ควรแกะ เกา หรือเจาะน้ำใสในตุ่มน้ำพองออกด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้แผลลุกลามได้
วิธีปฏิบัติตัวเมื่อเป็นโรคตุ่มน้ำพอง
⭐️พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่เลี่ยงการออกกำลังกายหนักจนเกินไป
⭐️ หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นโรคติดเชื้อ
⭐️ ไม่ควรเข้าไปในสถานที่แออัด หรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
⭐️ ไม่ควรใส่เสื้อผ้าที่คับจนเกินไป เพราะทำให้ผิวหนังหลุดลอกมากขึ้น
⭐️ รักษาความสะอาดของร่างกาย โดยใช้น้ำเกลือเช็ดเบา ๆ ทำความสะอาดแผล
⭐️ ดื่มนมสด หรือรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุนจากการทานยารักษาตุ่มน้ำพอง
⭐️ หากตุ่มน้ำในปากแตกออก ให้ใช้น้ำเกลือบ้วนปากบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการแปรงฟันแรงๆ และเลี่ยงทานอาหารรสจัด อาหารแข็ง ซึ่งอาจกระตุ้นการหลุดลอกของเยื่อบุในช่องปาก
⭐️ หากมีอาการไอ เป็นไข้สูง ปัสสาวะแสบขัด ปวดท้อง ถ่ายอุจจาระดำ อาเจียนเป็นเลือด ควรพบแพทย์
ทั้งนี้หากป่วยโรคตุ่มน้ำพองก็ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ที่อาจทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร
ขอบคุณข้อมูลจาก : kapook.com